วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน


เป็นการคุมกำเนิดโดยการให้ฮอร์โมนเพื่อยับยั้งการตกไข่ทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิ

ข้อดีของการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน

  • ยาคุมกำเนิดส่วนใหญ่ให้ผลดี
  • ฮอร์โมนบางชนิดออกฤทธิ์ทันทีที่ได้รับยา
  • ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ยาบางชนิดประจำเดือนหยุดเลย
  • ฮอร์โมนจะลดอัตราการเกิดมะเร็งมดลูก
  • สามารถร่วมเพศได้อย่างอิสระ
  • ยาคุมบางชนิดใช้รักษาสิวได้

ข้อด้อยของยาคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน

  • ได้รับฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย
  • มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ คัดเต้านม น้ำหนักเพิ่ม
  • โรคแทรกซ้อนที่รุนแรงอาจจะเกิดได้เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกในตับ เลือดแข็งตัวง่าย
  • การใช้ฮอร์โมนไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ยาเม็ดคุมกำเนิดคืออะไร

ยาเม็ดคุมกำเนิด คือยาเม็ดที่ใช้กินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แบบชั่วคราวประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน และโปรเจสโตเจนจัดทำไว้เป็นแผงหลายชนิดแต่ละชนิดจะมีปริมาณตัวยาและจำนวนเม็ดไม่เท่ากัน เช่น 21,28 เม็ด ผู้ใช้ต้องกินอย่างต่อเนื่อง บางชนิดอาจหยุดยาเป็นช่วง เมื่อเลิกใช้ก็สามารถกลับมามีบุตรได้อีก เมื่อรับประทานยาครบสิบเม็ดจึงจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้

ประเภทของยาเม็ดคุมกำเนิด

  1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
  • ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนระดับเดียว
  • ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนหลายระดับ
  1. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสโตเจน
  2. ยาเม็ดคุมกำเนิดที่ใช้ภายหลังการร่วมเพศ
  3. การฉีดฮอร์โมน
  4. การฝังฮอร์โมน

ยาเม็ดคุมกำเนิดป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างไร

ยาเม็ดคุมกำเนิดสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้โดยกลไกดังนี้

  • ยับยั้งการตกไข่และป้องกันไม่ให้ไข่สุขจึงไม่มีการตกไข่
  • สกัดกั้นไม่ให้อสุจิเข้าสู่มดลูก โดยทำให้มูกบริเวณปากมดลูกเหนียวข้น
  • ขัดขวางการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม

ยาแต่ละเม็ดมีฮอร์โมนเอสโตเจน และโปรเจสโคเจนเป็นส่วนประกอบ มีทั้งชนิด 21,22 และ 28 เม็ดตัวยา 7 เม็ดที่เพิ่มขึ้นจะเป็นเม็ดแป้งไม่มีฮอร์โมน ยาเม็ดคุมกำเนิดในกลุ่มนี้ยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

  1. ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนระดับเดียว

ยาเม็ดทุกเม็ดมีปริมาณตัวยาฮอร์โมนรวมเท่ากัน ปัจจุบันนิยมใช้ชนิดที่มีเอสโตเจนต่ำๆคือ 20-30ไมโครกรัม ส่วนโปรเจสโตเจนที่ใช้มีหลายชนิด และยังคงมีการพัฒนาเพื่อหาฮอร์โมนชนิดใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพสูง และผลข้างเคียงต่ำยาคุมชนิดนี้ไม่ควรใช้ในคนที่ให้นมบุตรเพราะจะทำให้น้ำนมน้อย

  1. ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนหลายระดับ

ยาแต่ละเม็ดจะมีฮอร์โมนไม่เท่ากัน ปริมาณยามีหลายระดับเลียนแบบการหลังฮอร์โมนตามธรรมชาติซึ่งทำให้ผลข้างเคียงของยาลดลง

ยาเม็ดคุมกำเนิดทีมีเฉพาะโปรเจสโตเจน

เป็นยาคุมกำเนิดที่มีแต่ progestin อย่างเดียวจึงลดผลข้างเคียงของยา ยานี้อาจจะเรียก mini-pill กลไกการออกฤทธิ์ของยาคือจะทำให้เมือกที่ปากมดลูกเหนียวเชื้อ sperm ผ่านไปยาก และทำให้เยื่อบุมดลูกไม่เหมาะในการฝังตัว เป็นยาที่มีฮอร์โมนในขนาดน้อยจัดทำเป็นแผง 28 เม็ดยาทุกเม็ดมีตัวยาเหมือนกัน การกินยาให้เริ่มกินวันแรกของรอบเดือนและกินยาต่อเนื่องทุกวันโดยไม่ต้องหยุดยา เมื่อหมดแผงให้เริ่มแผงใหม่ทันที

ข้อดีของยาชนิดนี้

  • ยานี้มีประโยชน์ ในผู้ที่ไม่สามารถทนอาการข้างเคียงของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ เช่นคลื่นไส้อาเจียน แต่ว่าประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะต่ำว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวม
  • สามารถใช้ในผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
  • ใช้ในคนให้นมบุตรได้เนื่องจากไม่ได้ลดน้ำนม
  • มีความปลอดภัยมากกว่าชนิดฮอร์โมนรวมเมื่อใช้ในภาวะที่มีความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ หรือคนอ้วน

ข้อด้อยของยาคุมชนิดนี้

  • อาจจะมีเลือดออกกะปริดกะปอยในช่วงแรกของการใช้ยา อาจจะเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิดเป็นวิธีอื่น
  • น้ำหนักเพิ่ม คัดเต้านม
  • ยานี้ต้องรับประทานครบเดือนก่อนจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดังนั้นในเดือนแรกต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย
  • ยาคุมนี้ต้องรับประทานให้ตรงเวลา หากคลาดเคลื่อนไป 3 ชั่วโมงควรใช้การคุมกำเนิดอย่างอื่นเช่นถุงยางอนามัย รอจนรอบหน้า
  • หากลืมรับประทานยาแม้เพียงวันเดียวก็ควรใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่น

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดใช้หลังร่วมเพศ

ยาชนิดนี้นิยมใช้ในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันล่วงหน้า โดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบผลข้างเคียงของยา ยากลุ่มนี้มีทั้งแบบฮอร์โมนชนิดเดียวและชนิดฮอร์โมนรวม โดยแต่ละชนิดจะมีวิธีกินต่างกัน ส่วนมากนิยมใช้ชนิดที่กินหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที เพราะใช้ง่าย แต่เนื่องจากยามีฮอร์โมนขนาดสูงมากจึงเกิดอาการข้างเคียงสูงกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดชนิดอื่น ผู้ใช้จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างมาก มีเลือดออกผิดปกติ ผลของการป้องกันตั้งครรภ์ยังต่ำกว่าการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรวม ถ้าผิดพลาดอาจจะเกิดการตั้งครรภ์ได้เหมาสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่บ่อย หรือใช้ในกรณีที่ถูกขมขืน

ผู้ที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด

ผลของฮอร์โมนจะออกฤทธิ์ตามอวัยวะต่างๆหลายแห่ง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่อผุ้ใช้บางกลุ่มที่มีโรคประจำตัวภาวะที่ห้ามใช้และควรหลีกเลี่ยงได้แก่

  • มะเร็งของอวัยวะภายในของผู้หญิง และมะเร็งเต้านม
  • โรคตับเฉียบพลันหรือตับทำงานผิดปกติ
  • โรคของถุงน้ำดี
  • มีเลือดออกโพรงมดลูก
  • เคยหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ความดันโลหิตสูง
  • สงสัยว่าจะตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์
  • โรคลมชัก
  • โรคเบาหวาน
  • อายุมากกว่า40ปี หรือมากกว่า 35 ปีที่อ้วน มีไขมันในเลือดสูง หรือสูบบุหรี่จัด ถ้าหากท่านมีหลายปัจจัยเสี่ยงและรับประทานยาคุมกำเนิดโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนก็จะมีสูงขึ้น
  • มีระดูน้อย หรือขาดระดู
  • ปวดศีรษะบ่อย หรือเป็นไมเกรน

อาการข้างเคียงของยาเม็ดคุมกำเนิด

ผลข้างเคียงที่พบได้คือ น้ำหนักตัวเพิ่ม สิว ฝ้า ผมร่วง ปวดศีรษะ อาการเหล่านี้จะเป็นในระยะเริ่มแรก ส่วนใหญ่หายได้เอง

  • อาการคลื่นไส้อาเจียน มักพบช่วงแรกของการใช้ยา แก้ไขโดยให้กินยาคุมหลังอาหารเย็นหรือก่อนนอน แต่ถ้ามีอาการมากหรือเป้นอยู่นานควรปรึกษาแพทย์ แต่ถ้าใช้ระยะแรกไม่เกิดแล้วมาเกิดภายหลังอาจจะเกิดจากการตั้งครรภ์หรือโรคอื่น ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
  • อาการเจ็บคัดเต้านม พบในระยะแรกของการรับประทานยา ซึ่งจะลดลงหรือหายไปในเวลาต่อมา
  • เลือดออกกะปริดกะปรอย มักพบในระยะแรก หรือผู้ที่ลืมกินยาบ่อยแก้ไขโดยการกินยาอย่างสม่ำเสมอ
  • ยาคุมกำเนิดจะทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง ปวดประจำเดือนน้อยลง และป้องกัน cyst และเนื้องอกที่รังไข่และมดลูก
  • การขาดระดูระหว่างการใช้ยา ควรตรวจให้แน่ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์

ข้อระวังเมื่อใช้ยาคุมกำเนิด

หากท่านที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดและเกิดอาการเหล่านี้ควรหยุดยาและรีบพบแพทย์

  • มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
  • ตัวเหลืองตาเหลือง
  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง จะเป็นลม เวียนศีรษะ
  • ความดันโลหิตสูง
  • มีอาการปวดและบวมเท้า และน่องให้สงสัยว่าเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
  • ปวดตา ตาพร่า เห็นแสงวูบวาบให้สงสัยว่ายาคุมกำเนิดทำให้ไมเกรนเป็นมากขึ้น
  • มีอาการปวดหน้าอกและหายใจหอบ
  • มีอาการซึมเศร้า

วิธีรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด

ชนิดแผง 21,22 เม็ด

เริ่มใช้ยาตั้งแต่วันที่ 1 ของรอบเดือน(วันแรกของประจำเดือน)ไม่เกินวันที่ 5 ของรอบประจำเดือน กินทุกวันจนหมดแผง ควรทานเวลาเดียวกันทุกวัน สำหรับชนิด 21 เม็ดให้หยุดยา 7 วัน หยุดยา 6 วันสำหรับชนิด 22 เม็ด ระหว่างหยุดยา 2-4 วันจะมีเลือดประจำเดือนมา เมื่อหยุดยาครบกำหนดให้เริ่มแผงใหม่ตามวิธีเดิม

ชนิดแผง 28 เม็ด

เริ่มกินยาในวันแรกของรอบประจำเดือน โดยเริ่มกินเม็ดแรกในส่วนที่ระบุบนแผงว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ยา และกินยาตามทิศทางที่ลูกศรกำกับจนหมดแผง และกินแผงใหม่โดยไม่ต้องหยุดยา

ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนหลายระดับ

ตัวยาแต่ละเม็ดจะมีขนาดฮอร์โมนไม่เท่ากัน จึงต้องกินยาตามลูกศรกำกับ เมื่อลืมกินยาต้องเลือดกินให้ตรงกับชนิดยาที่ลืม

การดูแลสุขภาพระหว่างการใช้ยา

ในระยะแรกควรพบแพทย์เพื่อซักถามข้อข้องใจ และปรึกษาเรื่องผลข้างเคียงของยา สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวานแพทย์จะเจาะเลือดตรวจน้ำตาลและไขมันในเลือด หลังจากนั้นควรตรวจสุขภาพปีละครั้ง

  • ตรวจสุขภาพทั่วไป วัดความดันโลหิต
  • การตรวจเต้านม
  • การตรวจภายในและการตรวจมะเร็งปากมดลูก

ยาเม็ดคุมกำเนิดกับการเกิดเนื้องอก

ยาเม็ดคุมกำเนิดไม่มีผลทำให้ผู้ใช้มีโอกาสเกิดมะเร็งเพิ่มขึ้น เช่นมะเร็งเต้านม หรือเนื้องอกมดลูก และมีผลลดการเกิดเนื้องอกเต้านมชนิดไม่ร้ายแรง เนื้องอกรังไข่ชนิดไม่ร้ายแรง ส่วนมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับผลการศึกษายังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนเพราะการเกิดมะเร็งทั้งสองชนิดเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆด้วย ดังนั้นผู้ใช้ยาคุมกำเนิดไม่ควรวิตกกังวลในเรื่องผลของยากับมะเร็ง

ทำอย่างไรถ้าลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิด

ยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ การลืมกินยาอาจจะทำให้เกิดผลเสีย เช่น ทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ถ้าลืมบ่อยๆอาจเกิดการตั้งครรภ์ ดังนั้นควรกินยาเวลาเดียวกันทุกวัน และหากลืมกินยาให้แก้ไขดังนี้

  • ลืมกินยาหนึ่งเม็ดให้กินทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามปกติ
  • ลืมกิน 2 เม็ดติดต่อกันในช่วง 2 สัปดาห์แรกให้กินยา 2 เม็ดติดต่อกัน 2 วัน แล้วกินต่อตามปกติจนหมดแผง ให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย
  • ลืมกินยา 2 เม็ดติดกันในช่วงสัปดาห์ที่ 3 หรือลืมมากว่า 2 เม็ดในช่วงใดก็ตามให้หยุดยาแผงนั้นจนกว่าจะมีประจำเดือน จึงเริ่มแผงใหม่ ให้ใช้ถุงยางอนามัยหรืองดการร่วมเพศ
  • ลืมกินยามากกว่า 2 เม็ดให้หยุดยาคุมแล้วใช้วิธีอื่นคุมกำเนิดเมื่อประจำเดือนมาจึงเริ่มใหม่

การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยา

เมื่อเริ่มคุมกำเนิดด้วยยาแผงแรก ทั้งในผู้ที่เริ่มใช้ หรือผู้ที่ต้องการใช้ใหม่หลังจากหยุดยาไปช่วงหนึ่ง ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ใน 2 สัปดาห์แรกต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัยเพราะยาจะยังไม่ออกฤทธิ์ทันทีหลังจากนั้นสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ สำหรับยาแผง 21,22 เม็ดช่วงที่หยุดยาก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ตามปกติ

การใช้ยาคุมกำเนิดร่วมกับยาชนิดอื่น

ถ้ามีการเจ็บป่วยและได้รับประทานยาอื่นต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบ เนื่องจากมียาหลายชนิดที่อาจจะไปลดประสิทธิภาพของยาเม็ดคุมกำเนิดได้ถ้านำมาใช้ร่วมกันเช่นยา penicillin tetracyclin และยาคลายเครียด การอาเจียนหรือถ่ายเหลวทำให้ยาออกฤทธิ์น้อยลง และอาจจะเป็นผลให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอย จนถึงกับตั้งครรภ์ นอกจากนั้นยาคุมกำเนิดอาจจะผลของยาที่ใช้ร่วมด้วยลดลง เช่นยารักษาลมชัก ยาปฏิชีวนะบางชนิด

การสูบบุหรี่กับยาคุมกำเนิด

การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงต่างๆจากยาคุมกำเนิดได้โดยทำให้เกิดภาวะดังต่อไปนี้

  • ความดันโลหิตสูง
  • การแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
  • การทำงานของหัวใจผิดปกติ

จะทำอย่างไรเมื่อพร้อมจะมีบุตร

เมื่อพร้อมจะมีบุตรให้หยุดยาคุมกำเนิดได้ทันที และในระยะ 3 เดือนแรกหลังหยุดยาควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นเช่น การใช้ถุงยางอนามัย เพื่อจะได้ทราบอายุครรภ์ที่แน่นอน ร้อยละ80ของผู้ที่ใช้ยาคุมจะกลับมามีประจำเดือนเป็นปกติใน 3 เดือนร้อยละ90จะมีการตกไข่เป็นปกติใน1ปี ถ้าหลังหยุดยาคุมกำเนิดแล้ว 3 เดือนประจำเดือนยังไม่มาตามปกติควรปรึกษาแพทย์

ขณะรับประทานยาคุมกำเนิดแล้วเกิดการตั้งครรภ์จะส่งผลเสียต่อเด็กหรือไม่

ถ้าสงสัยว่าตั้งครรภ์ให้หยุดยาเม็ดคุมกำเนิดแล้วเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดเป็นอย่างอื่น แล้วปรึกษาแพทย์ ขณะที่รับประทานยาคุมกำเนิดเกิดการตั้งครรภ์ ทำให้เด็กได้รับฮอร์โมน ได้มีการศึกษาพบว่าเด็กที่เกิดมากจะปกติเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีส่วนน้อยมากที่เกิดมาผิดปกติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดพิการแต่กำเนิด ถึงมีก็น้อยมาก

ยาเม็ดคุมกำเนิดกับการให้นมบุตร

แพทย์มักจะแนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นในระยะ 6 เดือนแรก แต่ถ้าจะใช้ยาคุมกำเนิดแพทย์จะแนะนำใช้ชนิดที่มีฮอร์โมนน้อย และไม่มี estrogen

สาเหตุที่ตังครรภ์ขณะรับประทานยาคุมกำเนิด

ท่านที่ประสงค์จะคุมกำเนิดต้องเตรียมการคุมกำเนิดชนิดอื่นไว้สำรองเพราะมีเหตุที่ทำให้ลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดดังนี้

  • การลืมรับประทานยาคุมกำเนิด
  • จากโรค เช่นอาเจียน ท้องร่วง
  • จากยา มียาหลายชนิดที่ลดประสิทธิภาพของยา เช่น rifampicin ampicillin tetracyclin dilantin phenobarb

การเปลี่ยนยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมเป็นชนิดโปรเจสติน

หากท่านประสงค์จะเปลี่ยนจากชนิดฮอร์โมนรวมเป็นชนิดprogestin เนื่องจากผลข้างเคียงก็สามารถทำได้โดยรับประทานยาชนิดโปรเจสตินแทนชนิฮอร์โมนรวม โดยกินต่อจากเม็ดฮอร์โมนดังนั้นไม่ต้องรับประทานเม็ดแป้ง

ที่มาของข้อมูล : http://www.siamhealth.net


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น